Popular Posts

Sunday, April 7, 2013

การลงทุนเปิดร้านขายบะหมี่เกี๊ยวแฟรนไชส์


การลงทุนเปิดร้านขายบะหมี่เกี๊ยวแฟรนไชส์
 
หลังจากทายาทร้าน “บะหมี่เกี๊ยว” เจ้าดังย่านเยาวราช เข้ามาสานกิจการครอบครัว ได้พลิกโฉมจากร้านห้องแถวขึ้นห้าง พร้อมปรับเมนูให้ร่วมสมัย เพื่อเปิดประตูหาลูกค้าคนรุ่นใหม่ มีส่วนสำคัญผลักดันธุรกิจเติบโตทวีคูณ พร้อมสานต่อขยายแฟรนไชส์เต็มรูปแบบ ด้วยแนวคิดผสมผสานระหว่างสูตรอร่อยแบบดั้งเดิมกับระบบบริหารสมัยใหม่อย่างลงตัว ภายใต้แบรนด์ “HKN” (Hong Kong Noodle)

รุ่นสองต่อยอดธุรกิจครอบครัว    จิตติพร พิริยเลิศศักดิ์ ลูกสาวคนโตที่เข้ามาสานต่อกิจการครอบครัว เล่าว่า ร้านเปิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2526 หรือกว่า 28 ปีที่แล้ว จากน้ำพักน้ำแรงของคุณพ่อ คุณแม่ (สุเมธ และจิตราวรรณ พิริยเลิศศักดิ์) โดยเป็นร้านห้องแถวขายบะหมี่เกี๊ยวสไตล์ฮ่องกง ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับอย่างหนาแน่นเสมอมา จนเป็นเจ้าดังของเยาวราช ในย่านตลาดเล่งบ่วยเอี้ย
หน้าร้านต้นแบบ สาขาฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต
“ดิฉันคลุกคลีช่วยงานในร้านมาตั้งแต่เด็ก จนเรียนจบ ก็อยากจะขยายกิจการไปสู่ลูกค้าวัยรุ่น วัยทำงาน โดยเลือกเปิดสาขาที่สยามสแควร์ เมื่อ 15 ปีที่แล้ว พร้อมกับสร้างแบรนด์ “Hong Kong Noodle” ตกแต่งร้านให้ดูทันสมัย นั่งสบาย ซึ่งเวลานั้น ทำเลย่านสยามฯ ยังไม่มีร้านบะหมี่สไตล์ฮ่องกงแท้ๆ เลย ประกอบกับบะหมี่เกี๊ยวเป็นอาหารที่กินง่าย กินซ้ำได้บ่อยๆ และสามารถดัดแปลงได้หลากหลาย ช่วยให้ร้านประสบความสำเร็จอย่างสูง” จิตติพร เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการสานต่อธุรกิจ
   
     เธอ เผยด้วยว่า จุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าติดใจ มาจากการนำอาหารสไตล์ฮ่องกง โดยเฉพาะเส้นบะหมี่และเกี๊ยวมาพลิกแพลงให้มีลูกเล่น หรือสีสันแปลกใหม่ ขณะเดียวกัน คงรักษารสชาติอร่อยแบบต้นตำรับร้านในเยาวราช ขายราคาเหมาะสม ช่วยให้ธุรกิจเติบโตเรื่อยมา ถึงปัจจุบัน ร้าน“Hong Kong Noodle” มีสาขารวม 8 แห่ง กระจายอยู่ในพื้นที่สำคัญของกรุงเทพฯ และห้างสรรพสินค้าชื่อดังต่างๆ เช่น สยามสแควร์ ซ.10 ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต เมเจอร์รัชโยธิน และเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เป็นต้น

งัดระบบคอมพิวเตอร์คุมแฟรนไชส์             หลังสะสมความแข็งแรงของธุรกิจมาเกือบ 30 ปี แผนตลาดในปีนี้ (2555) ได้ต่อยอดด้วยการขายแฟรนไชส์ แบรนด์ “HKN” บริหารภายใต้ บริษัท เอชเคเอ็น แฟรนไชส์ จำกัด โดยใช้สาขา “ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต” เป็นร้านต้นแบบ ตั้งเป้าในปีแรก ขยายสาขาแฟรนไชส์ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 5 แห่ง ควบคู่กับขยายด้วยตัวเอง 2 แห่ง
ภายในร้านตกแต่งสไตล์ร่วมสมัย
จิตติพร เผยว่า ก่อนที่จะขายแฟรนไชส์ เตรียมความพร้อมมานานนับปี โดยเฉพาะด้านระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อควบคุมมาตรฐาน ซึ่งเป็นโปรแกรมที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง ด้วยงบกว่าเจ็ดหลัก วิธีการทำงานจะเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ต ให้เจ้าของสาขา สามารถตรวจสอบยอดขายได้จากทุกที่ ทุกเวลา ป้องกันรายได้รั่วไหล นอกจากนั้น ระบบยังเชื่อมออนไลน์การสั่งวัตถุดิบจากส่วนกลาง การขนส่ง และสต็อกสินค้า ช่วยควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เหตุที่ก่อนหน้านี้ เรายังไม่ปล่อยแฟรนไชส์ เพราะต้องการให้ตัวเองพร้อมจริงๆ เสียก่อน ทั้งเรื่องแบรนด์ และระบบบริหารจัดการภายใน ซึ่งเวลานี้ ดิฉันเชื่อว่า เราพร้อมทุกด้าน ทั้งประสบการณ์ วิธีบริหารแฟรนไชส์แบบมืออาชีพ ระบบคอมพิวเตอร์ที่จะมาช่วยควบคุมแฟรนไชส์ได้ครบวงจร เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ทั้งเราและแฟรนไชส์จะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน” ผู้บริหารสาว กล่าว
เมนูเป็ดย่าง
การันตี 2.5 ปี แฟรนไชส์คืนทุน      ด้านเงื่อนไขแฟรนไชส์ ต้องมีพื้นที่เปิดร้าน ขนาด 80-120 ตารางเมตร โดยผู้ซื้อแฟรนไชส์ควรมีทุนประมาณ 3 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนเบื้องต้น ประมาณ 1 ล้านบาท สำหรับค่าสัญญาแฟรนไชส์ 5 แสนบาท อายุ 5 ปี กับค่าตกแต่งร้านและวางระบบคอมพิวเตอร์ ประมาณ 5 แสนบาท ส่วนที่เหลือไว้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจช่วง 6 เดือนแรก
ประเภทติ่มซำ
สำหรับการควบคุมคุณภาพ และมาตรฐานอาหาร จะใช้ระบบ “ครัวกลาง” มีทีมผลิตของตัวเองคอยประกอบอาหารต่างๆ ในรูปแบบกึ่งสำเร็จรูปกว่า 80% แล้วกระจายไปยังร้านสาขาต่างๆ ทำให้รสชาติอาหารจะเหมือนกันทุกสาขา
 เจ้าของธุรกิจ เผยด้วยว่า ร้าน “HKN” มีเมนูรวมกว่า 40 รายการ เช่น บะหมี่ เกี๊ยวกุ้ง เป็ดย่าง หมูย่าง ซาลาเปา และติ่มซำ เป็นต้น โดยเฉลี่ยลูกค้าที่เข้าร้านจะใช้จ่ายประมาณ 120 บาทต่อคน รายได้หลังหักเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบ เหลือประมาณ 60% แต่เมื่อหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ ครบถ้วนแล้ว ทั้งค่าเช่า ค่าพนักงาน ฯลฯ จะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 28% โดยสถิติจากร้านต้นแบบสาขาฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ปริมาณลูกค้าเข้าร้าน200-300 คนต่อวัน ซึ่งจากอัตราดังกล่าว ผู้ลงทุนแฟรนไชส์จะคืนทุนได้ในเวลาประมาณ 2.5 ปี
เผยเกณฑ์เฟ้นตัวจริงร่วมธุรกิจ            ทั้งนี้ ในบทบาทแฟรนไชซอร์ จะคอยช่วยเหลือผู้ลงทุน ตั้งแต่เตรียมพร้อมก่อนเปิดร้าน 2 เดือน ทั้งฝึกอบรม วางระบบคอมพิวเตอร์ และหลังเปิดร้านแล้ว จะสนับสนุนด้านวัตถุดิบ ทีมที่ปรึกษา ควบคู่กับทำตลาดให้สม่ำเสมอ เช่น จัดกิจกรรมโปรโมชั่น ออกเมนูใหม่ๆ กระตุ้นยอดขายสม่ำเสมอ เป็นต้น
จิตติพร ระบุด้วยว่า แม้จะวางระบบทุกด้านรัดกุม ทว่า หัวใจสำคัญของธุรกิจร้านอาหาร คือ ความเอาใจใส่ของตัวผู้บริหารร้าน โดยเฉพาะงานบริการ ดังนั้น การคัดเลือกผู้ร่วมแฟรนไชส์ จะเฟ้นคนที่มีความตั้งใจจริง และพร้อมจะดูแลธุรกิจด้วยตัวเอง
     “ขณะนี้ มีผู้สนใจขอซื้อแฟรนไชส์จำนวนมาก แต่ดิฉันจะพยายามเลือกผู้ที่สื่อสารกันเข้าใจ รู้จักแบรนด์ของเรา มีความรู้เรื่องบะหมี่ หรือเป็นแฟนของร้านเราจริงๆ ที่สำคัญมีทัศนคติอยากทำธุรกิจนี้จริงจัง เพราะธุรกิจร้านอาหาร ปัญหาบริการหน้าร้านย่อมเกิดขึ้นเสมอทุกแห่ง แต่ถ้าตัวเจ้าของคอยอยู่แก้ปัญหาเอง เรื่องใหญ่ๆ ก็แก้ได้ง่ายนิดเดียว” เจ้าของธุรกิจสาว ระบุ
ข้อมูลลงทุนแฟรนไชส์ “HKN” โดยสังเขป @@@- ควรพื้นที่เปิดร้าน ขนาด 80-120 ตารางเมตร - ผู้ซื้อแฟรนไชส์ควรมีทุนประมาณ 3 ล้านบาท - แบ่งเป็นเงินลงทุนเบื้องต้น ประมาณ 1 ล้านบาท สำหรับค่าสัญญาแฟรนไชส์ 5 แสนบาท อายุ 5 ปี กับค่าตกแต่งร้านและวางระบบคอมพิวเตอร์ ประมาณ 5 แสนบาท - ส่วนที่เหลือไว้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจช่วง 6 เดือนแรก - แฟรนไชซอร์ สนับสนุนด้านวัตถุดิบ ระบบ และการตลาด ส่วนแฟรนไชซี่ มีหน้าที่หลักในการดูแลหน้าร้าน และงานบริการ- ค่าเฉลี่ยลูกค้าที่เข้าร้านจะใช้จ่ายประมาณ 120 บาทต่อคน - ค่าเฉลี่ยลูกค้าเข้าร้านประมาณ 200-300 คนต่อวัน - กำไรสุทธิจากรายได้ประมาณ 28% - คาดการณ์คืนทุนได้ในเวลาประมาณ 2.5 ปีโทร.0-2613-7517 ต่อ 105 หรือ www.hkndgroup.com
ขอบพระคุณบทความจาก ผู้จัดการ

No comments:

Post a Comment